โดยมะเขือเทศขนาดปานกลางนั้นจะมีปริมาณของวิตามินซีครึ่งหนึ่งของส้มโอทั้งลูก และมะเขือเทศหนึ่งผลมีปริมาณวิตามินเอที่ร่างกายต้องการจำนวน 1 ใน 3 ของวิตามินเอที่ร่างกายต้องการต่อวันเลยทีเดียว! สามารถช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น ช่วยบรรเทาผื่นแพ้และผิวอักเสบ บำรุงผิวให้แข็งแรงขึ้น จึงช่วยลดความเสี่ยงต่ออาการแพ้ ระคายเคือง ผดผื่นคัน ผิวแสบ ไหม้ หรือผิวหนังอักเสบ ช่วยป้องกันผิวจากแสงแดดและช่วยลดความรุนแรงของรังสียูวีที่มากระทบกับผิว

แถมยังมีสารจำพวกไลโคปีน (Lycopene) แคโรทีนอยด์ เบตาแคโรทีน และกรดอะมิโน เป็นต้น และมะเขือเทศยังจัดว่าเป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคได้อีกด้วย เช่น ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด ขับปัสสาวะ รักษาความดัน เป็นต้น

อีกทั้ง การศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Journal of Bone and Mineral Research พบว่าผู้ที่มีระดับไลโคปีนในเลือดสูงมีโอกาสน้อยที่จะกระดูกหัก หรือกระดูกเสื่อม เนื่องจากไลโคปีนช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้เป็นอย่างดี เพราะเต็มไปด้วยวิตามินเค และแคลเซียม ซึ่งมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง

แถมยัง เสริมระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพ เพราะวิตามินซีช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง

ช่วยคลายความเครียด ทำให้ร่างกายผ่อยคลาย เต็มไปด้วยพลังงานบวก พร้อมเผชิญหน้ากับวันใหม่ ๆ ให้น้อง ๆ ได้อย่างเต็มที่

รู้อย่างนี้แล้ว อย่าเขี่ยมะเขือเทศออกจากอาหารที่แสนอร่อยเลยนะคะ ใครที่ไม่ชอบกิน "มะเขือเทศ" คงต้องลองหัดกินบ้างแล้วล่ะค่ะ รับรองจะติดใจ!!

❥ ❥ ❥ ❥ ❥ ❥ ❥ ❥ ❥ ❥